วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2550

ชีวิตวันนี้

วันนี้มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมาก ที่มากเพราะต้องตัดสินใจ ต้องตอบสนอง ต้องทำ
เริ่มวันด้วยการตื่นนอน 04:30น. ทำ กิจวัตรประจำวัน ออกเดินทางไปทำงานถึงที่ทำงาน 08:00 น.รถเกิดอาการมีน้ำไหลออกเห็นได้จากใต้ท้องรถติดต่อให้ช่างมาดู ช่างบอกว่าต้องซ่อมท่อน้ำทั้งหมด ช่างถอดท่อน้ำระหว่างรอช่าง ทางผู้ดูแลแม่แจ้งว่าแม่พร้อมที่จะออกจากโรง พยาบาลที่รักษาตัวได้แล้ว ค่าใช้จ่าย 170,000 บาท ในขณะนี้
09:30 น. ช่างให้ไปรับตัวอย่างอะหลั่ยเพื่อไปจัด หามาเปลี่ยน สอบถามงานที่จะอาศัยไปร่วมกับรถของหน่วยงาน น้องที่ทำงานด้วยให้ข้อมูลว่ามีงานที่จะทำในตัวเมืองได้ จึงขอ รถเพื่อไปทำงาน และอาศัยไปซื้ออะหลั่ยด้วย
11:00 น. ได้อะหลั่ยมาให้ช่างซ่อมรถต่อไป
12:50 น. โทรศัพท์ ติดต่อกับภรรยาที่หลบภัยทางความคิดไปอยู่บ้านเกิดที่อำเภอปายแล้วทราบว่า ภรรยากำลังไม่สบายใจกับท่าทีและคำพูดของแม่ยาย
13:25 น. ได้รับโทรสารเรื่องย้ายพนักงาน ให้ตัวผมเองย้ายไปสังกัดใหม่ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2550
14:00 น. ได้รับ E-mailเรื่องการบรรยายให้กับสายงานอื่น
15:00 น. ปรึกษากับน้องที่รู้เรื่องการเขียน Program Java เพื่อจะศึกษาให้รู้และสามารถใช้งานได้
17:30 น. นำหนังสือที่ได้รับการให้มาใช้สำหรับ การศึกษาวิจัยที่ทำให้กับน้องทั้งสอง
18:00 น. ถึงบ้านพัก พบกับผู้รับเหมาที่จะต่อเติมและซ่อมแซมบ้าน
18:30 น. รถน้ำต้นไม้เสร็จ
19:00 น. เริ่มเหนื่อยกับชีวิตวันนี้ แต่ยังคิดว่ามีกำลังอยู่ที่จะเผชิญกับปัญหาด้วยปัญญา


(ภาพเซรามิคอันสวยงามจากงานเซรามิคแฟร์ ที่จังหวัดลำปาง ปี 2549)


เขียนบันทึกนี้ เมื่อเวลา 19:30 น.
มีความสุขกับความวุ่นวาย เมื่อวุ่นจึงไม่ว่าง

ผมพบว่าคนเรามีบทบาทต่างๆ ที่ต้องดำเนินไปและจุดประสงค์ของคนเราตามบทบาทต่างๆ เคลื่อนไหวไปไม่มีวันหยุดนิ่ง

ผมต้องเป็นสามีที่มีบทบาทการดูแลภรรยาบนจุดประสงค์ที่จะทำให้เธอมีความสุข ความสุขของเธอจะสะท้อนกลับมายังครอบครัว ผมต้องเป็นลูก มีบทบาทที่จะตอบแทนให้แก่แม่ บนจุดประสงค์ที่ให้มีความสุขตามอัตตภาพ ผมต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สิน มีบทบาทในการรับผิดชอบจัดหา ดูแล บำรุงรักษา จุดประสงค์คือทำให้ทรัพย์สินสามารถใช้งานได้และมีประโยชน์ต่อการใช้งาน ผมต้องเป็นผู้ลูกน้อง มีบทบาทต้องทำงานให้ได้ตามที่นายสั่งการ จุดประสงค์คือทำให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งต่อผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา ผมต้องเป็นลูกศิษย์ มีบทบาทในการเรียนให้รู้ตามที่ครูจะสั่งสอน จุดประสงค์คือสามารถใช้ความรู้ไปทำงานได้ ผมต้องเป็นวิทยากร มีบทบาทในการบรรยายและสนับสนุนให้การทำ Workshopดำเนินไปได้ตามวัตถุประสงค์ของการอบรม ผมต้องเป็นอีกหลายอย่างที่ไม่ได้กล่าวและบันทึกไว้ด้วยบทบาทและวัตถุประสงค์ที่ต่างกันไปตามฐานานุรูป


ความเหนื่อยและกำลัง
เมื่อกำลังลดถอยความเหนื่อยเข้ามาเยือน เพียงความคิดว่ามีกำลังไม่ใช่ความจริงที่จะเผชิญกับความเหนื่อยได้

ผมแยกความเหนื่อยออกเป็นเหนื่อยกาย เหนื่อยวาจา และเหนื่อยใจ

เหนื่อยกายเมื่อเผชิญกับความบีบคั้นทางกายจนเกินกำลัง เหนื่อยวาจาเมื่อเผชิญกับการต้องใช้วาจาบนหนทางที่ไม่รู้ว่าความเข้าใจจะมีเมื่อใด เหนื่อยใจเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ใจไม่คาดคิดและหาทางออกไม่ได้หากในภาพรวมความเหนื่อยทั้งหมดมาประชุมกัน รวมกัน กำลังกายกำลังวาจากำลังใจที่มีไม่สามารถจะต้านทานได้ ความเหนื่อยจึงยั่งยืนและยึดพื้นที่แห่งกำลังทั้งหมดไว้
ต้องย้อนกลับมาสร้างกำลังทั้งสามใหม่ กำลังกายสร้างด้วยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ กำลังวาจาสร้างด้วยการฟังอย่างสม่ำเสมอ กำลังใจสร้างด้วยการสงบนิ่งอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกาย ต้องมีความต่อเนื่องความหนัก ความนาน กล่าวคือ ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออาทิตย์หนึ่งต้องมีความต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าสี่วัน ต้องมีความหนักคือให้หัวใจทำงานร้อยละแปดสิบของความสามารถของหัวใจตามวัย ด้วยวิธีการต่างๆ เช่นวิ่ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ เล่นกีฬาอื่นๆ ที่ให้หัวใจทำงานร้อยละแปดสิบของความสามารถของหัวใจบนความนานไม่น้อยกว่าสามสิบนาทีในแต่ละครั้งของการออกกำลังกาย กำลังกายย่อมมีด้วยประการนี้
การออกกำลังวาจา ต้องมีการฟังอย่างลึกซึ้งในเบื้องต้น มีความคิดที่เกื้อกูลในท่ามกลาง และมีการแสดงออกที่เมตตาในที่สุดกล่าวคือฟังให้ได้ความอย่างที่ผู้พูดต้องการแสดงออก รับด้วยหัวใจเปิดว่างไม่มีการตัดสินด้วยสัญญาความจำเดิมของตน ไม่ตัดสินด้วยอารมณ์ความอ่อนไหวไปกับสิ่งแวดล้อมด้วยอคติสี่เพราะรัก โลภ โกรธ หลง มีความคิที่เกื้อกูลต่อสิ่งที่ได้รับฟังมา คิดเชิงบวก คิดต่อยอด คิดสร้างสิ่งใหม่ คิดไปข้างหน้า คิดสร้างสรรค์ คิดเพื่อเข้าใจและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แล้วแสดงออกด้วยความเมตตาวาจาทึ่สร้างกำลังคือวาจาที่ไม่เบียดเบียน ไม่ทำร้าย มุ่งดี มุ่งความเจริญ วาจาที่ประกอบด้วยองค์เหล่านี้เป็น
วาจาที่มีกำลัง กำลังวาจาย่อมมีด้วยประการนี้
การออกกำลังใจ ต้องมีความหยุดนิ่ง ทิ้งตัวตน เชื่อผลกรรม กล่าวคือใจที่หยุดนิ่งคือใจที่มีพลัง กายต้องเคลื่อนไหวแต่ใจต้องหยุดนิ่งจึงเกิดพลัง หยุดนิ่งในความคิด หยุดความคิดไม่ได้ต้องทำให้ใจเป็นหนึ่งเดียวหยุดอยู่ที่เดียวเพื่อสร้างกำลัง จะหยุดนิ่งได้ต้องทิ้งตนให้ได้ ละอัตตาความมีความเป็น ละมานะความเหนือกว่าด้อยกว่า ละทิษฐิความถูกความผิด ทิ้งตนได้ต้องเชื่อกรรม เชื่อว่าเรามีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด จะทำกรรมอันใดไว้ก็ตาม ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้ได้รับ ผลของกรรมอันนั้น เข้าใจแล้วจะไม่ต้องอดทน ไม่ต้องอดทนแล้วจะไม่เหนื่อย กำลังใจย่อมมีด้วยประการนี้

เข้าใจบทบาทและวัตถุประสงค์ที่ตนต้องทำต้องปฏิบัติความสุขย่อมมีได้ตลอดเวลาของชีวิตทุกวันไม่เฉพาะชีวิตวันนี้

ไม่เหนื่อยไม่ท้อ ทำและทำ ไม่เพื่ออะไรทั้งนั้น ทำไปตามธรรม ธรรมดา ธรรมชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น