วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2550

ชีวิตที่จำได้

จากปายสู่ลำปาง ในวันที่ 5 มีนาคม 2550ไปและกลับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนเกือบทุกครั้งไปด้วยรถส่วนตัว มีเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ที่เดินทางกลับด้วยรถประจำทาง คราวนั้นได้เดินทางกลับโดยสารรถประจำทางปรับอากาศ และเดินทางไปด้วยรถตู้ มีความสะดวกพอประมาณ แต่ภรรยามีประสบการณ์เดิมว่าการเดินทางระหว่างปายและเชียงใหม่เป็นความทุกข์ทรมาณพอสมควร พอเราจะต้องเดินทาง จึงห่วงว่าจะไม่มีความสะดวก และเสนอให้เอารถกลับ ตั้งใจแล้วว่าจะไม่เอารถกลับจึงแน่วแน่ไปที่ท่ารถ แม่ยายบอกแล้วว่าให้ ไปจองตั๋วไว้ก่อนตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2550 ที่ไปถึง แต่ไปแค่ดูแล้วไม่ได้จอง จึงไม่ได้กำหนดว่าต้องไปเวลาใดวันที่ 5 มีนาคม 2550 เวลา 8:00 น. ไปที่สถานีขนส่งอำเภอปาย นายสถานีได้บอกว่ารถตู้เต็มทุกเที่ยวไม่ สามารถไปได้ด้วยรถตู้ที่ดูเหมือนสะดวกสะบายที่สุดในการเดินทางระหว่างปายและเชียงใหม่ กลับมาบ้านแม่และทำใจต้องไป ตามที่ตนมีโอกาสจะไปได้
เวลา 9:00 น. เตรียมตัวแต่งตัว พบว่ากุญแจบ้านยังไม่ได้นำมาด้วย ทำให้ภรรยาห่วงใยมากขึ้นไป อีก ด้วยปักใจว่าผมเป็นคนชอบลืมและไม่รอบคอบ ค้นหาจนเจอเจอจากความรอบคอบเกินไป กุญแจอยู่ในเสื้อคลุมของผมเอง และผมจำได้เอง
10:00 น. ไปถึงสถานีขนส่งอีกครั้งมีรถประจำทางไม่มีเครื่องปรับอากาศกำลังจะออก ขึ้นไปนั่งและ
ลาภรรยาและบุตร
10:30 น. รถออกเดินทางจากอำเภอปาย ล้อหมุน ค่าโดยสาร 72 บาท
ระหว่างทางเด็กรถที่เก็บค่าโดยสารนั่งบนฝาปิดเครื่องยนต์สนทนากับคนขับ เขากำลังฝึกหัดเป็นคนขับรถโดยสอบถามถึงวิธีการขับ ข้อควรระวังเมื่อขับรถ ผมเห็นความรู้ที่ไม่มีสอนในหนังสือใด เลื่อนไหลถ่ายเทจากผู้ทำงานขับมาเป็นระยะเวลานาน เป็นความรู้จากการทำจริงและได้ความรู้จริงจากการทำ ไหลจากพนักงานขับที่เป็นผู้ให้ไปสู่เด็กรถผู้ใฝ่รู้ เพื่อนำไปทำจนเกิด เป็นความรู้ในตน ผมเข้าใจว่าโลกย์เราอยู่มาได้เพราะมีความรู้ที่ถ่ายทอดเช่นนี้จากรุ่นสู่รุ่นโดยไม่รู้จักการจัดการความรู้แบบตะวันตกแต่อย่างใด นอกจากผู้รู้ที่เป็นคนขับได้ถ่ายทอดให้เด็กรถผู้ใฝ่รู้แล้ว ยังมีพระสงฆ์เปรียญหก (ทราบจากการสนทนา ระหว่างพระสงฆ์ด้วยกันซึ่งเดินทางด้วยกัน 3 รูป) ซึ่งเคยเป็นพนักงานขับรถมาก่อนได้ร่วมให้กำลังใจและความรู้แก่เด็ก
รถด้วย เด็กรถคนนี้จึงโชคดีที่มีคนให้ความรู้กับเขาในหลายด้าน ผมเห็นว่าความใฝ่รู้เป็นเครื่องมือที่ทำให้คนได้ความรู้และ แสวงหาความรู้ได้ด้วยใจรัก
เวลา 12:05 น.รถพักที่แม่แสะรับประทานอาหาร ตามกำหนดรถจะพัก 15 นาทีตามที่เขียนไว้หน้ารถ แต่พนักงานขับรถบอกว่าเราจะพัก 20 นาที เขาให้เหตุผลว่า 15 นาที ตามกำหนดทำให้คนโดยสารเครียด ทานอาหารไม่ทัน เป็นต้นเหตุให้พนักงานขับเครียดด้วย เขาว่าเราไม่ควรเดินทางบนความเครียด
ความเครียดทำให้เราไม่มีความสุข ทุกขณะที่ลำบากถ้าเรามีความสุขจะไม่รู้ว่าลำบาก
ทานอาหารแล้วเสร็จ 12:30 น. จึงได้ออกเดินทางอีกครั้ง เกินเวลาไป 5 นาที เป็นเวลาที่มีค่า 5 นาทีที่เสียไป ทำให้คนไม่เครียด
ดีจริงๆ กับอุบายของพนักงานขับรถ ดีจริงๆ เป็นความจริงที่ดีมากที่ได้ผ่อนคลาย
สอบถามพนักงานขับรถว่าถึงเชียงใหม่เวลาไหน ได้คำตอบว่า ประมาณ 14:30 น.เส้นทางช่วงนี้แห้งแล้งตามฤดูกาลนั่งเงียบ งีบหลับบ้าง คิดถึงครอบครัวที่พึ่งจากมารู้สึกเดียวดายบนเส้นทาง
บนเส้นทางเดียวดาย มีเพียงความห่วงใยที่หล่อเลี้ยง ความห่วงใยของเรา ความห่วงใยของครอบครัว ความห่วงใยซึ่งกันและกัน คนจึงไม่เดียวดายด้วยสายใยแห่งครอบครัว
13:50 น. รถถึงแม่มาลัย มีชาวต่างชาติลงหลายคน เพื่อเดินทางไปยังแม่แตง ฝาง และที่อื่นๆ พนักงานขับรถมีอัธยาศัยดีมากเขาช่วยเอาของลง แนะนำด้วยภาษาอังกฤษที่ชาวต่างประเทศฟังแล้วรู้เรื่อง14:00 น.รถจึงออกเดินทางไปเชียงใหม่ หลับบ้างตื่นบ้างถึงเชียงใหม่ 14:35 น.
เชื่อมความห่วงใยโดยโทรศัพท์บอกภรรยา ให้คลายกังวลและทำให้ความห่วงใยกลับมาอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ของแต่ละคน
แล้วเสร็จเข้าห้องน้ำ 3 บาทสำหรับการถ่ายทุกข์ เวลา 14:50 น. เข้าแถวรอซื้อบัตรโดยสาร รถทัวร์ปรับอากาศชั้นสองเพื่อจากเชียงใหม่มาลำปาง15:00 น. ออกเดินทางมายังลำปาง ผู้เอื้อเฟื้อมารับโทรศัพท์มาถามการเดินทางด้วยความห่วงใย หลับๆ ตื่นๆ มาถึงลำปางเวลา 16:45 น. ผู้เอื้อเฟื้อมารับโทรศัพท์มาแจ้งว่ามารอแล้ว ความห่วงใยของเขาทำให้เราเกรงใจ เดินทางกลับบ้านพร้อมกับเขาดีใจสำนึกในความห่วงใยของเขา ซาบซึ้งและขอบคุณ ขอบคุณและติดค้าง ติดค้างเพื่อจะชดใช้อย่างตั้งใจ
เวลา 17:30 น. ส่งความห่วงใยให้ภรรยารับรู้ การเดินทางของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว แต่การเดินทางของชีวิตยังคงอยู่ดำเนินต่อไปความห่วงใยเป็นเหตุให้ผลแห่งความดำรงอยู่ของคนดำเนินไปด้วยความสมัครสมานสามัคคี มีความดีเลี้ยงหล่อและเป็นเครื่องจรรโลงให้โลกดำเนินไปด้วยดี
บทเรียนจากการเดินทางที่เดียวดาย คือคนไม่มีวันเดียวดาย เรามีเพื่อนร่วมเดินทางในขณะที่เราไม่คิดว่าเขาเป็นเพื่อนเดินทาง เราเดินทางไม่เฉพาะแต่จากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งเท่านั้น ขณะที่เราเดินทางถ้าเราปิดกั้นตัวเองจากสภาพแวดล้อม เราจึงเดียวดาย แต่เราวุ่นวายภายใน เราเดินทางภายในพร้อมเดินทางภายนอก อย่าถามว่าเราได้อะไรจากการเดินทาง จงบอกว่าเราให้อะไรกับการเดินทางบ้าง
อย่าหวังว่าจะได้ จงให้
(ดัดแปลงจากประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคเนดี้ ที่ว่า "อย่าถามว่าประเทศชาติได้ให้อะไรกับเรา แต่จงถามว่าเราให้อะไรกับประเทศชาติบ้าง"ชอบครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น