วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

อยู่จนครบเกษียณ


มีคำถามน่าสนใจในวันศุกร์ ที่ 8 มิ.ย. 55 ผมได้เจอเพื่อนร่วมองค์กร คนหนึ่งถามว่า พี่อยู่มาได้อย่างไรจนครบอายุ 60 ปี มันเป็นการยากมากที่จะอยู่ได้นานขนาดนี้ พื่มีหลักอย่างไรในการดำเนินชีวิตการทำงานจนเกษียณ

ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก ผมบอกเพื่อนว่าผมขอทบทวนเพื่อทำความเข้าใจในตัวเองและจะตอบให้ทราบ



เวลาที่ผ่านมาในช่วงแรกของการทำงานหลังจากได้ทำงาน องค์กรยังไม่ใหญ่โตมากขนาดนี้ ผมเข้างานเมื่อเดือน ธ.ค. 2517 หลังจากปลดทหารเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2517 เข้างานที่เขื่อนบ้านเจ้าเณร กาญจนบุรีทำงานแบ่งแปลงและวางแนวถนนในโครงการอพยพห้วยสามสุ่ย สองปีที่เขื่อนบ้านเจ้าเณรไม่เคยคิดถึงวันเกษียณ โลดแล่นแบบวัยรุ่นวุ่นวายยุ่งเหยิงไปวันๆ แก้ปัญหาไปวันวัน จนย้ายไปอยู่ที่โครงการก่อสร้างเขื่อนปัตตานี ยะลา เมื่อปี 2519 ชีวิตโสดได้เพียงปีเดียว 2520 ก็มีครอบครัว บุกเบิกหัวงาน ทำแนวเข้าหมู่บ้านอพยพ สร้างหมู่บ้านคอกช้าง เอาชีวิตรอดและไม่ได้คิดถึงอนาคตที่ยาวไกลจนเกษียณ ห้าปีผ่านไปเร็วมาก 2524 ย้ายมาโครงการก่อสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี บุกเบิกทางเข้า ปรับพื้นที่ทำถนนสร้างแคมป์บริเวณ และหัวงานก่อสร้างเขื่อน เสร็จแล้วก่อสร้างหมู่บ้านอพยพ เวลาหกปีผ่านไปเร็วมาก มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นที่เขื่อนเชี่ยวหลานมากมาย และเป็นการเปลี่ยนแปลงตนเองครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ก.ย. 2530 ย้ายมา สนก. เพราะไม่มีเขื่อนจะให้สร้าง 2531 ต้นปีย้ายมาโครงการจัดส่งน้ำ แม่เมาะ ลำปาง ปี 2534 ได้ไปต่างประเทศ กลับมาคิดว่าเรายังต้องเรียนรู้อีกมากให้ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กว้างใหญ่นี้ ไปเรียนต่อปริญญาโท ที่ มช. ด้วยทุนตัวเองเพราะขอทุนไม่ได้ อยู่แม่เมาะทำงานด้านอพยพราษฎร์ ไม่ได้ทำถนนและสะพาน อยู่แม่เมาะนานมากจนปักหลักฐานอยู่ลำปาง ที่แม่เมาะ ลำปางมีงานสองช่วง ช่วงแรก2531 ถึง 2541 อยู่โครงการทำงานด้านอพยพและจัดกรรมสิทธิ์ แล้วเมื่อเรียนจบในปี 2541 จึงขอย้ายไปอยู่ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ แต่งานอพยพและจัดกรรมสิทธิ์ ของโครงการจัดการส่งน้ำแม่เมาะหมดในปี 2537 ปี 2538 จึงทำงานด้านคุณภาพและฝึกอบรม รวมทั้งเป็นวิทยากรด้านโปรแกรมสำเร็จรูป พวก Office ต่างๆ เมื่อย้ายมาศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ ได้มีโอกาสทำงานหลายอย่าง เช่น ปรับโครงสร้างศูนย์ฝึก ทำโครงการความร่วมมือ กฟผ. มช. ทำโครงการให้คำปรึกษากับโรงงานอุตสาหกรรม SMEs และอื่นๆ จนมีการยุบฝ่ายฝึกอบรม ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าปีไหนเพราะไม่ต้องการจำ รู้แต่ว่าหลังจากนั้นผมและทีมงานฝึกอบรมด้านเทคนิคต้อง ย้ายสังกัดไปเรื่อยสองปีครั้งตลอดระยะเวลา ห้าหกปีหลังจากยุบฝ่ายฝึกอบรม ปี 2547 ที่มีการยุบโครงการศูนย์ฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาพลังงานแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีโอกาสร่วมทำแผนพัฒนาองค์กรไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ สายงานผลิตไฟฟ้าฉบับแรก และปี 2548 ได้โอกาสเป็นวิทยากรบรรยายความรู้เกี่ยวกับการจัดการความรู้ตามแนวของ สคส.(สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม) และพัฒนามาเรื่อยจนถึงปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการทำงานประจำจนลืมไปว่าอันไหนเป็นงานหลัก  ปี 2552 ถูกย้ายมา สนก.  จนถึงปัจจุบัน

เล่าอดีตมายืดยาวแต่ไม่ละเอียดมากนักเพื่อให้เห็นภาพของคนที่อยู่มายาวนานในองค์กร เพื่อให้เห็นว่าที่อยู่มาได้นั้นเพราะไม่ได้คำนึงถึงวันที่จะต้องเกษียณ แต่ทำงานไปเรื่อยๆ ตามเหตุการณ์ และเป้าหมายที่เคลื่อนไป นั่นเป็นแรงดึงจากภายนอกที่ดึงเราไปด้วยงาน ส่วนแรงดันจากภายในนั้น ครอบครัวผมเป็นครอบครัวที่ไม่ร่ำรวย เราต้องทำงานตั้งแต่เด็กด้วยการรับจ้าง สมองทางค้าขายไม่มี เมื่อแม่เลิกรับจ้างหันมาค้าขายผมก็ออกจากบ้านไปรับจ้างแล้ว ทั้งยังอยู่ต่างจังหวัดมาตลอด ได้รับการส่งเสียเลี้ยงดูจนจบ ปกส.สำรวจ ก็สามารถทำมาหากินได้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเราจะออกก่อนเกษียณแล้วจะไปทำอะไร เพราะค่อนชีวิตเรารับจ้างมาตลอด และในขณะที่ทำงานนั้นผมก็ไม่ได้สะสมเงินทองอะไรมากมายนัก ใช้จ่ายไปตลอดและไม่ได้วางแผนทางการเงิน ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่หากมีมากพอแล้วสำหรับคนที่จะใช้ มากพอสำหรับที่จะฝัน พอแล้วคนคนนั้นก็จะหยุด ยุติ เกษียณได้ แต่สำหรับผมคงอยู่ไปตามเวลาจนครบเทอมไม่ใช่มีไม่มากพอ มีเท่าใดก็เท่านั้น เท่าที่มี


ไม่ได้มีหลักอะไรมากำกับชีวิตเท่านั้นก็ดีแล้ว                                   
ไม่ต้องมีอะไรก็ดีแล้ว มันดีอยู่ในตัวของมันเองนั่นแหละ                 
ทำไปเท่าที่ทำได้ดีเอง ขอให้ตั้งใจ มุ่งมั่นทำไป ก็เท่านั้นเอง          
บางครั้งการตั้งกฏเกณฑ์กำหนดชีวิตและยึดถือมากไป ทำความทุกข์ให้กับชีวิตนะ


ในเรื่องปีศาจของเสนีย์ เสาวพงศ์ บอกว่า คนบางคนเกิดมาเพื่อคนคนเดียวแล้วจะตายไปเพื่อคนคนนั้น คนบางคนเกิดมาเพื่อคนหลายคนแล้วจะตายเพื่อคนหลายคน คนบางคนเกิดมาเพื่อคนหลายคนแล้วตายไปเพื่อคนคนเดียว และคนบางคนเกิดมาเพื่อคนคนเดียวแล้วก็จะตายเพื่อคนหลายคน
ผมเห็นความงดงามในความคิดของเธอ และขอนำมาเป็นแนวคิดว่า

คนบางคนเกิดมาเพื่อองค์กรและจะตายไปเพื่อองค์กร คนบางคนเกิดมาเพื่อตัวเองและจะตายไปเพื่อตัวเอง คนบางคนเกิดมาเพื่อองค์กรและจะตายไปเพื่อตัวเอง และคนบางคนเกิดมาเพื่อตัวเองและจะตายไปเพื่อองค์กร
เราลองเปลี่ยนจากคำว่าเกิดเป็นเข้า และตายเป็นอยู่อาจจะเห็นภาพคนที่อยู่จนเกษียณในอีกมุมหนึ่งได้นะครับ ความนั้นเป็นดังนี้

คนบางคนเข้ามาเพื่อองค์กรและจะอยู่ไปเพื่อองค์กร คนบางคนเข้ามาเพื่อตัวเองและจะอยู่ไปเพื่อตัวเอง คนบางคนเข้ามาเพื่อองค์กรและจะอยู่ไปเพื่อตัวเอง และคนบางคนเข้ามาเพื่อตัวเองและจะอยู่ไปเพื่อองค์กร                                                                         


การดั่งนี้เกิดขึ้นเป็นความงดงามที่ควรเรียนรู้นะครับ องค์กรควรเรียนรู้ว่า จะปรับความคิดของคนในองค์กร ความเชื่อของคนในองค์กรอย่างไร เพราะสัจจะธรรมที่ผ่านจากประสบการณ์ทำให้เราเห็นว่าความคิดของคนเราเคลื่อนที่ไปตามที่เขาประสพ
ผมกำลังแสดงให้เห็นว่าการที่อยู่จนเกษียณนั้นเป็นความคิดเกี่ยวกับการจัดวางความสัมพันธ์ ระหว่างองค์กรกับคนในองค์กรนั้น มิใช่เหตุผลที่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียวแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นผู้สร้างสิ่งนั้น
การอยู่จนเกษียณ สร้างขึ้นมาด้วยสังคม กฏกติกา ความรู้สึก และความยึดถือที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน
ความภักดีนั้นจัดเป็นกิจกรรมร่วมมิใช่ กิจกรรมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง




คนมีความฝันของคน 

องค์กรมีเจตนารมณ์ขององค์กร
http://www.energythai.com/wp-content/uploads/2011/04/Thailand-Resources-Import-Fuel.jpg


อยู่ที่ว่า องค์กรจะเชื่อมสิ่งฝันเข้ากับเจตนารมณ์ได้อย่างไร
อยู่ที่ว่า ผู้นำจะสร้างสิ่งนั้นประการหนึ่ง และอยู่ที่ คนในองค์กรจะสร้างสิ่งนั้นด้วยเช่นกัน

วันนี้ 11 มิถุนายน 2555 เป็นวันดี เพราะมี เลข 11 มาเกี่ยวข้องด้วย
11 มิ.ย. 2555 ผมระดับ 11 เหลือเป็นคนขององค์กรอีก 111 วัน
และบอกตัวเองว่าวันที่เหลืออยู่อย่าทำงานแบบ 11 คือทำไป One One

ด้วยจิตนอบน้อม

ศิริวัฒน์ เก็งธรรม

2 ความคิดเห็น:

  1. ....คนบางคนเข้ามาเพื่อองค์กรและจะอยู่ไปเพื่อองค์กร คนบางคนเข้ามาเพื่อตัวเองและจะอยู่ไปเพื่อตัวเอง คนบางคนเข้ามาเพื่อองค์กรและจะอยู่ไปเพื่อตัวเอง และคนบางคนเข้ามาเพื่อตัวเองและจะอยู่ไปเพื่อองค์กร...
    ผมอ่านข้อความนี้หลายรอบ และถามตนเองว่าเราอยู่ในกลุ่มไหนกัน เป็นบุคคลเช่นไรกัน ทำให้นึกถึงตัวเองเมื่อครั้งก้าวเดินเข้าสู่องค์กรแห่งนี้....ด้วยหวังว่าองค์กรนี้จะให้อะไรกับเรา ให้ในสิ่งที่เราอยากได้ อยากเป็น อยากมี และเราก็ได้รับสิ่งเหล่านี้จริงๆ ในขณะที่เราให้อะไรกับองค์กรแห่งนี้บ้าง นอกจากผลงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำตามหน้าที่ มากบ้างน้อยบ้าง แต่สิ่งสำคัญเราอยู่เพื่อองค์กรหรือเพื่อตนเองกันแน่....
    ผมเองอ่อนกว่าพี่ 12 ปี ถ้านับปีที่จะเกษียณก็ปี 2567 การที่ได้เรียนรู้จากพี่ในวันนี้ ทำให้ 12 ปีที่เหลือของการทำงาน ผมมีคำตอบแล้ว จะทุ่มเททำเพื่อองค์กรแห่งนี้ต่อไป...

    ตอบลบ
  2. ผมขอบคุณที่คุณหาตัวเองเจอ คำตอบจะสร้างคำถามต่อไป ไม่รู้จบ เพราะชีวิตต้องเคลื่อนไป ผมขอบคุณที่หาผมเจอ เพื่อผมจะได้เจอตัวเองต่อไป
    "ตอบแทนบุญคุณหน่วยงาน ด้วยประสบการณ์ที่ท่านมี"
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ