วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คิดแตกต่าง



เกริ่นนำ
คนหนึ่งต่อสู้เพื่อความดี ลบล้างความชั่ว
คนหนึ่งต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ลบล้างความอยุติธรรม
ศีลธรรมสมัยใหม่ผูกพันกับเศรษฐกิจ Moral Economy
ศีลธรรมสมัยเก่าสั่งสมสั่งสอนมาแบบดั้งเดิม Moral ...
การสู้กันของ สิบชุดความคิด
สามชุดเดิม ชนบทสู้กับเมือง ไพร่กับอำมาตย์ ทุนเก่าทุนใหม่
เจ็ดสิ่งที่ซ่อนอยู่ ชนชั้นกลางกับชนชั้นล่าง เสรีนิยมกับจารีตนิยม โลกาภิวัตน์กับอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยมกับประชาธิปไตย ทุนนิยมกับการต่อต้านทุนนิยม รัฐกับการต่อต้านรัฐ นักการเมืองกับนักคุณธรรม
ในนามของความเชื่อ ฉันจึงมิสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะทำร้ายเธอ กำจัดเธอ ด้วยความเชื่อของฉั

การเข้าใจคนที่คิดแตกต่าง

การเกิดขึ้นของชุดความคิดที่แตกต่าง
เรามีความคิด ชุดของความคิด ที่เป็นตัวกำหนดการกระทำของเรา ชุดความคิดของเรามาจากไหน เมื่อแรกเกิดเราบริสุทธิ์จากความคิดทั้งมวล หรือแท้จริงแล้วเรามีสิ่งที่พกพามาด้วย
ปฏิสนธิวิญญาณจุติพร้อมกับกรรมของเรา จึงเป็นที่กำเหนิดของเรา สถานที่ เวลา ครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง วงศาคณาญาติ เป็นเบื้องต้น 
ในท่ามกลางเราได้เรียนรู้ จาก ครอบครัว ศาสนา โรงเรียน การทำงาน สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมชุดความคิดของเรามา หล่อหลอม บ่มเพาะ เราเข้าไปจับต้อง เชื่อมั่นแล้วจึงยึดถือ เราเสพสิ่งต่างๆนี้ เป็นธรรมดา เราเพลิดเพลิน พร่ำถึง
และดื่มด่ำ เป็นเนื้อเดียวกัน จนไม่สงสัย ไม่ฉุกใจคิด ความเชื่อที่ฝังตัวไปทีละเล็กละน้อย สร้างชุดความคิดของเราขึ้นมา
ชุดความคิดของคนอื่นก็เช่นกัน
เพียงแต่ความแตกต่างเกิดขึ้นจาก ความแตกต่างตั้งแต่ปฏิสนธิวิญญาณ กรรม สถานที่ เวลา ครอบครัว ในเบื้องต้น ในท่ามกลางก็เช่นเดียวกัน จึงเป็นชุดความคิดที่ยึดถือแตกต่างกัน
ด้วยชุดความคิดของเรา เราจึงไม่เข้าใจเขา ทำนองเดียวกัน เขาก็ไม่เข้าใจเราเช่นกัน

การปะทะกันของชุดความคิดที่แตกต่าง
ชุดความคิดที่แตกต่างนี้ต่างอยู่ในที่ในทางของตนเอง การประทะกันมีทุกสังคม ในสังคมที่แตกต่างมีกระบวนการจัดการกับความแตกต่างนี้ไม่เหมือนกัน
บางสังคมยอมรับและให้พื้นที่กับความแตกต่างได้ปะทะสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันด้วยการเคารพยอมรับความแตกต่าง ให้ที่หยัดยืนทั้งสองด้านด้วยความประสงค์สร้างสรรค์ 
บางสังคมยอมให้มีความคิดแตกต่างไม่ได้ จึงแก่งแย่งและเอาชนะกัน มอบพื้นที่ให้กับการปะทะสังหาร แข่งขัน ครอบครอง 
สิ่งที่น่าสังเกต คือ ชุดความคิดที่แตกต่างนั้นปกติอยู่กันอย่างสงบในที่ในทางของตน การปะทะสร้างสรรค์เกิดจากการเผยตัวและยอมรับกันและกันเพื่อการเรียนรู้ ส่วนการปะทะสังหารกันเกิดจากการปลุกเร้า เร่งรุก และสร้างวาทะกรรม วาทะกรรมที่สัตว์อื่นในโลกไม่มี มีเพียงในคนเท่านั้น 

ชุดความคิด วาทะกรรม และเจตนา
มนุษย์นั้นสร้างวาทะกรรมมานานมาก เรามีงานเกี่ยวกับวาทะกรรมเยอะมาก วาทะกรรมสร้างชุดความคิด และชุดความคิดก็สร้างวาทะกรรม เช่นเดียวกัน การสร้างทั้งชุดความคิดและวาทะกรรมล้วนมีเจตนาอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น เจตนานั้นเพื่อครอบงำ ครอบงำเพื่อให้สร้างสรรค์หรือสังหารตามเจตนา 
ชุดความคิดที่แตกต่างจึงปะทะกันตามเจตนา อาศัยความรักและเมตตา ทำให้ต้องสร้างวาทะกรรมสรรเสริญชมเชย ทำให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ ยอมรับในความแตกต่างอย่างไม่มีเงื่อนไขนำไปสู่การเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกันเยี่ยงมนุษย์ที่เท่าเทียมเสมอกัน
ชุดความคิดที่แตกต่างจึงปะทะกันตามเจตนา อาศัยความกลัว ทำให้ต้องป้องกันป้องกันโดยสร้างวาทะกรรมดูหมิ่นดูแคลน ทำให้เกิดการรังเกียจเหยีดหยาม เมื่อรังเกียจเหยีดหยามแล้วจึงตัดสินในความแตกต่าง นำไปสู่ความต้องการขจัดทิ้งเยี่ยงผู้มีอำนาจเหนือกว่า
เพื่อการดั่งนั้นวาทะกรรมแห่งรักใคร่จึงดำรงอยู่ สัมผัสได้ และยังประโยชน์เสมอมา
เพื่อการดั่งนั้นวาทะกรรมแห่งความเกลียดชัง จึงเผยตัวของมัน นำไปสู่ วาทะแห่งอาชญากรรม ขจัดทิ้งผู้แตกต่างเสมอมา

เจตนาที่จะเข้าใจความแตกต่าง ต้องเข้าใจการอยู่รอดของแต่ละชุดความคิดเพื่อนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ซึ่งมีจุดหมายที่จะอยู่อย่างมีความหมายเท่าที่ชีวิตอันน้อยนิดและสั้นนักนี้จะทำได้
จะเข้าใจความแตกต่างจากโลกย์ที่เรายึดถือนั้นเป็นไปไม่ได้ เราต้องเข้าไปในโลกย์ที่เขาเป็นอยู่ จะเข้าไปในโลกย์ที่เขาเป็นอยู่ได้ด้วยการละทิ้งมโนธรรม ชุดความคิดที่เรายึดถือ อย่างไม่มีเงื่อนไข สัมผัสความแตกต่างอย่างนอบน้อม สำนึกว่า เราต่างเป็นผู้มีความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายเป์นธรรมดา จะล่วงพ้นสักสิ่้งไปไม่ได้เสมอกัน ...

การเข้าใจความแตกต่างของชุดความคิด
ไปหาเขา อยู่ร่วมกับเขา เริ่มจากสิ่งที่เขามี

ขอสันติสุขจงมีในสรรพธาตุรู้
ด้วยจิตนอบน้อม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น