เมื่อมีชีวิตอยู่ในสังคม ย่อมแวดล้อมด้วยผู้คน
เป็นธรรมดาเมื่ออยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ความสัมพันธ์กันย่อมมีทั้งเกื้อกูลกันและทำร้ายกัน กระทบกระทั่งกัน บางครั้งลืมไปแล้วว่าได้ทำอะไรไว้บ้าง บางครั้งไม่ยอมลืมแม้ต้องการจะลืมกลับติดตรึงแน่นภายใน
จิตใจของเรากระหายสัมผัสจากจิตที่อ่อนโยน ละมุนละไม เพื่อเยียวยาคืนวันอันโหดร้ายซึ่งขับเค้นอยู่ทุกขณะของชีวิต
ท่ามกลางความกระหายนั้น สายลมได้บอกเราว่าไม่มีจิตใจใดที่โหดร้าย แผ่นดินยืนยันว่าความตั้งมั่นไม่มีวันทำร้ายใคร ในคราวเดียวกันสายน้ำได้กระเซ็นร่างมาชะโลมจิตและบอกว่าความชุ่มเย็นเป็นฐานแห่งความอ่อนน้อมและยินดี
ไม่มีความชั่วร้ายใดเข้ามาในจิตได้เมื่อจิตไม่เปิดรับ ต้นไม้ตะโกนย้ำบอก
นกตัวเล็กบินผ่านส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่า จงยินดีกับชะตากรรม เพราะเป็นสิ่งดีสิ่งเดียวที่เราจะได้รับ
ผ่านวันคืนไป ผู้คนยังคงบึ้งตึงต่อกัน แม้ปากพร่ำบนถึงความสุข
ผู้คนยังคงทำร้ายกัน แม้จิตใจใฝ่ฝันถึงสันติสุข
มิตรไมตรีสูญหายไปที่ใดเล่า ความสัมพันธ์ที่งดงามหายไปทางใด
ผู้คนพร่ำบ่นถึงความไม่ดีของฝ่ายตรงข้าม แล้วความดี มิตรไมตรีหายไปทางใด
ในโลกที่ความดีและความไม่ดีปะปนกัน สันติสุขและการเบียดเบียนเป็นของที่ดำรงอยู่ด้วยกันตลอดมา มิตรไมตรีย่อมมีอยู่ในความโกรธเคือง และความสัมพันธ์อันงดงามย่อมดำรงอยู่ในการทะเลาะทำร้ายกันเสมอมา
ด้วยจิตนอบน้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น