วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันครบ 60 ปี


ผมเกิดในวันที่ 7 พฤษภาคม 2495 ก่อนวันนี้ เก้าเดือน ผมมาจุติบนโลกนี้ ด้วยกรรมประจวบเหมาะ
60 ปี ที่ผ่านมาผมเรียนรู้อะไรบ้าง ผลจากการเกิดนั้นวันนี้มีอะไรบ้าง ผมได้จ่ายคืนสิ่งที่ได้รับมาอย่างไรบ้าง
คำถามทั้งหลายนี้มีปรากฎการณ์ที่ผ่านมาและในปัจจุบัน รวมทั้งในอนาคตที่จะมาถึงเป็นคำตอบ
คำตอบที่ไม่ต้องตอบ เพราะปรากฏการณ์เป็นคำตอบในตัวมันอยู่แล้ว เพียงแต่ผมเรียนรู้อะไรบ้าง หรือจริงแล้วผมไม่รู้อะไรเลย หรือสิ่งใดที่เป็นจริงหรือไม่เป็นจริง ใครเป็นผู้ตัดสิน และผมควรเชื่อสิ่งใด
เมื่อความคิดวนเวียน หัวใจจึงไร้ความรู้สึก และร่างกายก็ถูกละเลย
ผมหยุดความคิด ใช้ความรู้สึก ร่างกายจึงยังไม่สัมผัสกับปรากฎการณ์ใด
ผมกลับมาหาร่างกายตรวจสอบสิ่งที่สัมผัส ผมตกใจ ไม่น่าเชื่อร่างกายผมเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ธรรมดา ในวัย 60 ปี กำลังก้าวสู่การเสื่อมถอย ซึ่งเป็นความจริงและเป็นสิ่งธรรมดาของสังขาร ผมน้อยลงมา กำลังขา แขน น้อยลง กระดูกสันหลังปวด ลำใส้ใหญ่ทะลุเลื่อนออกมา ชาฝ่าเท้า ริดสีดวงทวารยังไม่กำเริบ ฟัน 32 ซึ่ เหลือ 5 ซื่ และอื่นๆที่เสื่อมลง 
ผมขอบคุณร่างกายนี้ที่ให้ผมได้อาศัยมานานถึง 60 ปี 9 เดือน ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้ทะนุถนอมร่างกายนี้ แต่คงจะไม่สายที่จะเริ่มตั้งแต่วันนี้
เริ่มด้วยการตั้งมั่นในความรู้สึกว่ายังมีภาระที่จะต้องทำและต้องอาศัยร่างนี้ ดังนั้นความรู้สึกดีๆ จะนำมาซึ่งความคิดที่จะทะนุถนอมร่างนี้
ผมเรียนรู้อะไรบ้าง ผมไม่รู้จะประมวลออกมาอย่างไร
60 ปี ที่ผ่านมาผมเผชิญกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ผมมาเป็นเช่นนี้ในวันนี้
เป็นเช่นนี้คือปัจจุบันของผม
สิ่งที่ผมรู้คือผมต้องเดินต่อไปในทางกรรมทึ่ผมเป็น
ยินดีต้อนรับปีที่ 61 อย่างนอบน้อมถ่อมตน
ด้วยจิตน้อบน้อม
ทิพย์ พัชน์ศรี


คติในการดำรงชีวิต
เห็นโลกตามจริง ทุกสิ่งธรรมดา งานพาชีวิต มุ่งมิตรมากมาย หลากหลายวิจารณ์
เห็นโลกตามจริง = เห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน และสรรพสิ่งนั้นล้วนเป็นทุกข์ถ้าเราเข้าไปยึดถือ และยึดถือไม่ได้ด้วยสรรพสิ่งล้วนไม่มีตัวตนให้ยึด
ทุกสิ่งธรรมดา = มันเป็นของมันอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรน่าอัศจรรย์ ไม่มีอะไรแปลกประหลาด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งนั้น เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี
งานพาชีวิต = ถ้าไม่ทำงานของชีวิต เราก็จะสิ้นชีวิต ถ้าไม่เคี้ยวอาหารก็ไม่อิ่ม ถ้าอาหารไม่ย่อยก็เป็นพิษ ถ้าไม่ขับถ่ายก็... ทั้งหมดนี้เปรียบเช่นงานของเรา บางส่วนเราทำบางส่วนเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ถ้าเราทำตามหน้าที่ หน้าที่จะทำให้ชีวิตของเราดำเนินไป ดังนั้น จงทำงาน อย่างแรก ทำด้วยความพอใจ เพื่อดำรงชีพ อย่างที่สอง ศึกษาเพื่อหาทางทำกิจการงานให้สำเร็จ อย่างที่สามเมื่อมีวิชาชีพ จงประกอบอาชีพทำอย่างเต็มกำลัง
มุ่งมิตรมากมาย = คนเราทุกข์เพราะความสัมพันธ์มากที่สุด ทุกข์ที่สุดเพราะจัดความสัมพันธ์กับตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเริ่มจากเป็นมิตรกับตัวเอง รักเคารพ นอบน้อมตัวเองเป็นและมิตรสหายจะมาเอง มาด้วยความนอบน้อมของเรา สุภาษิตจีนว่าไว้ว่า ศัตรูเพียงหนึ่งคนก็มากเกินไปแล้ว  พยายามจัดความสัมพันธ์ให้เป็นไปตามธรรมชาติให้มากที่สุด
หลากหลายวิจารณ์ = เราไม่อาจหนีคำวิจารณ์ได้ แม้องค์พระปฏิมายัง และมนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา จงอยู่กับคำพูดกับคำพูดคนเหมือนกับอยู่กับกระจกเงา กระจกดีเงาถูกต้อง กระจกไม่ดีเงาไม่ถูกต้อง กระจกดีใจไม่ดีเงาไม่ถูกต้อง กระจกไม่ดีใจไม่ดีเงาพาโทสะ กระจกไม่ดีใจดีเงาสร้างสรรค์ กระจกไม่ดีใจไม่ดีเงาพาโมหะ เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต ให้วัคซีนแก่จิตไว้ว่า “ดีแสนดีมันก็ด่า ชั่วแสนชั่วมันก็ชม จะเอาอะไรกับปากมนุษย์”
สิ่งประทับใจในการทำงานกับ กฟผ. และเพื่อนร่วมงาน
ทำงาน กฟผ. มา 38 ปี จนเกษียณ ประทับใจนายทั้งหมดที่ผมทำงานด้วย นายมานิตย์ พรหมบุญ ใช้งานและให้บรรจุโดยไม่สอบ นายไพรัช ศุภวิวรรธ์ วางแผนให้เลื่อนระดับไม่อายรุ่นพี่ น้อง ผองเพื่อน นายปราโมทย์ อินสว่าง ให้ความละเอียด อดทน ทุ่มเททำ นายสามารถ สุทธางคกูล ให้ที่หลบภัย นายวิโรจน์ บุญชยางค์กูล ให้การสนับสนุนบนระเบียบและหาทางออกบนทางตัน นายที่เป็นนาง โรจนา พัชรี ให้โอกาสทำงาน และสนับสนุนให้เลื่อนระดับ และนายกิตติ ตันเจริญ ให้โอกาสทำงานทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ประทับใจในเพื่อนและน้องทุกคน เพราะผมทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนให้งานผม มีคนทำงานร่วมกับผม ทีมงานที่มีให้บทเรียนที่ดีแก่ผม ผมไม่เคยใช้เส้น ใช้ชีวิต เลือดเนื้อ และฝีมือทำงานมา แต่หากปราศจากโอกาสจากนายทั้งหมด ปราศจากความร่วมมือจากเพื่อน และปราศจากทีมงาน ผมคงไม่มีวันนี้ ขอบคุณนาย เพื่อน และทีมงานทั้งหมดที่ให้โอกาส ให้ความร่วมมือจนผมทำงานได้บรรลุมาเป็นลำดับ  ขอบคุณด้วยจิตนอบน้อม
สิ่งที่ต้องการฝากไว้ให้รุ่นน้อง
ไม่ได้เอาอะไรมา ไม่ได้เอาอะไรไป ไม่มีอะไรฝากไว้
อยู่เหมือนไม่มีตัวตน ไปและมาดั่งสายลม

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การสวดอ้อนวอน อย่าล้มเลิก

บางครั้งคนเรามีปัญหาในชีวิตมากมายรุุมเร้าเข้ามา บ้างอ้าวว่าเป็นกรรมเก่า บ้างอ้างว่าเป็นอิทธิพลของดวงดาว
พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเกี่ยวกับกรรมว่า เรามีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
และทรงสอนเกี่ยวกับ ดวงดาวฤกษ์ยามว่า ตัวประโยชน์เป็นเวลาที่ดีอยู่แล้ว ดวงดาวจะทำอะไรได้
ดังนั้น เมื่อถึงคราวอับจน ให้ดำรงความเป็นมนุษย์ปกติ คือ มีศีล

พระภาสกร ภูริวฑฺฒโน (ภาวิไล). ผู้อานวยการธรรมสถาน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. จำพรรษาวัดฝายหิน จังหวัดเชียงใหม่ สอนให้ปฏิบัติ ดังนี้

ให้ตั้งจิดและกล่าวดังนี้
พุทโธ ธัมโม สังโฆ (สามครั้ง)
ศีลข้อที่หนึ่ง ไม่ฆ่าสัตว์ ศีลข้อที่สอง ไม่ลักทรัพย์ ศึลข้อที่สาม ไม่ผิดลูกเมียผู้อื่น ศึลข้อที่สี่ ไม่พูดโกหก ศึลข้อที่ห้า ไม่ดื่มสุราของมึนเมา
บัดนี้ ข้าพเจ้า (กล่าวชื่อตนเอง) เป็นผู้มีศีล ดำรงตนในศีล จะประกอบกิจใด(เอ่ยถึงสิ่งที่จะกระทำ)ขอให้ประสพผลสำเร็จด้วยดีเทอญ
เมื่อกล่าวเสร็จแล้วให้เป่าเพี้ยงดังๆ ไปที่กลางใจตน

โปรดทดลองดู พระอาจารย์บอกว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปหลังจากทำได้ประมาณหนึ่งเดือนจะเห็นผลชัดเจน

ท่านสอนไว้ในหัวข้อ สมดุลโลก สมดุลใจ สมดุลธรรม ดูฉบับเต็มได้นะครับ




การสวดมนต์ การทำจิตให้ว่า จะได้พลังการสวดด้วยจิตว่างยิ่งมีพลังมาก
โปรดอย่าละทิ้งการสวดอ้อนวอน อย่าล้มเลิก