วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ทรัพยากรไทย : ก้าวสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจ
ผู้คนจากหลายเขื่อนมาร่วมกันจัดแสดงนิทรรศการ และนำน้ำสมุนไพรมาแจก
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ผู้ร่วมจัดงานหลายคนกลับไปแล้ว มีชาวต่างชาติมาชมคณะใหญ่ มาถึงสองครั้งครั้งแรกมาเองสองคน ครั้งหลังนำอาจารย์ต่างชาติเหมือนกันมาด้วย ได้พูดถึงการผลิตไฟฟ้าให้ เขาฟังเป็นภาษาอังกฤษ แต่เรื่องแมลงและพืช พูดไม่ออก ได้แต่ใช้ภาษาใบ้และชี้ให้ดู
ตอนเย็นมีผู้คนมาหลากหลายมาก ชาวเขื่อนจุฬาภรณ์ แจกน้ำอย่างไม่เห็นดเหนื่อย และยังเตรียมต้มน้ำดอกอัญชัญไว้บริการในวันสุดท้ายด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554
วันนี้
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554
ขายบ้าน 256 หมู่ 16 ต.พิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง

เป็นบ้านไม้ยกพื้น สองห้องนอน สองห้องน้ำ มีโรงรถจอดรถได้สองคัน มีบ้านแฝด สามหลัง หกห้อง ทำเป็นหอพักได้

มีต้นไม้เกือบเต็มบริเวณบ้าน
ที่ดินไม่ติดภาระใด
ขาย 3,500,000 บาท(สามล้านห้าแสนบาทถ้วน)
ภาพโฉนด

ต่อรองกับเจ้าของ ไม่รับผ่านนายหน้า ออกค่าโอนให้
ติดต่อ ทาง Email : toodtooster@gmail.com
ดูภาพทาง googlemap ตามพิกัด 18.359597,99.585485


![]() |
ระเบียงหน้าบ้าน |
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
เด็กอายุ ๑๕ ฆ่าตัวตาย หลังจากครูอายุ ๕๘ ฆ่าตัวตาย เหตุเกิดที่จังหวัดลำปาง พลทหารเกณฑ์ฆ่าตัวตายหลังกราดยิงผู้บังคับบัญชา เสียชีวิต ๑ คน บาดเจ็บสาหัส ๕ คน ที่จังหวัดนาราธิวาส ดินถล่มที่อำเภอน้ำปาด ทำให้มีคนสูญหาย ๗ คน วันนี้พบแล้ว ๖ คน ที่เสียชีวิต อีกหนึ่งคนยังไม่พบ ในและนอกประเทศน้ำท่วมหลายแห่ง ปากีสถานมีคนเสียชีวิตแล้ว ๒๐๐ คน (ในปีที่ผ่านมา ๒,๐๐๐ คน) ยังไม่ได้บันทึกความตายจากการก่อการร้าย คนตายตามธรรมชาติและอีกหลายอย่าง แค่นี้ก็พอให้ได้ศึกษานะครับ
อะไรเกิดที่เกิดขึ้นนี้เราได้เรียนรู้อะไร ในส่วนของผมนั้น เรียนรู้บางสิ่งนะครับ
เหตุการณ์แรก และเหตุการณ์ที่สอง เกิดจากการตัดสินใจที่จะจบสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองกระทำด้วยตนเองสมัครใจที่จะทำ
เหตุการณ์ที่สาม และเหตุการณ์ที่สี่ เกิดจากธรรมชาติภายนอกถูกกระทำโดยไม่สมัครใจให้เป็น
เราอาจมีความเห็นต่างๆ ในเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ลองเรียนรู้ร่วมกันโดยผมนำเสนอทัศนะการเรียนรู้ของผมนะครับ
ในสองเหตุการณ์แรก ผมเรียนรู้ว่า คนเรานั้นอยู่กับสังคม ฟัง รับรู้ สนองตอบ ด้วยทีท่าจากสังคมต่อตน การฆ่าตัวตายเป็นทั้งหมด ฟัง รับรู้ ตอบสนองสิ่งที่สังคมทำต่อตน ผมเรียนรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะสังคม สังคมไม่มีที่ให้เขาหยัดยืน ไม่เข้าใจความแตกต่างที่เขาทำ สังคมนั้นกำจัดเขาออกไป เขาฟัง รับรู้ แล้วสนองตอบตามที่สังคมต้องการ
ในสองเหตุการณ์ถัดมา ผมเรียนรู้ว่า ความตายโดยไม่สมัครใจ เกิดขึ้นได้ในทุกเวลาที่ความตายต้องการ ธรรมชาติกระทำตามที่บางท่านว่าธรรมะจัดสรร ผมเรียนรู้ที่จะไม่กล่าวโทษธรรมชาติ ไม่กล่าวโทษมนุษย์ในธรรมชาติว่าเป็นผู้กระทำแล้วธรรมชาติเอาคืน ช่างไร้ความคิด ความรู้สึกและสัมผัส ถ้าไปทำความเห็นเช่นนั้น
ผมเรียนรู้ต่อมาว่า ทั้งสี่เหตุการณ์ที่ยกมานั้นจบลงที่ความตาย
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
เมื่อคนท้อแท้ ทำใจให้เข้มแข็งไม่ได้ คนจะไปจากสถานการณ์นั้น ด้วยทางเลือกที่ต้องการยุติ จบ สิ่งที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะทำใจให้เข้มแข็งที่จะรับสถานการณ์นั้้นไม่ได้
เขาใช้อาวุธที่เป็นของมนุษย์ ความกล้า กล้าที่จะจบทุกอย่างด้วยตนเอง และผู้คนอีกมากมายมองว่าเขากลัวและหลีกหนี
ผู้คนที่ทำร้ายเขาด้วยกฎเกณฑ์แห่งความดี ไม่ให้ที่หยัดยืนแก่เขา เยาะเย้ยและเหยียดหยัน ให้เขาจบสถานการณ์ด้วยความดีของตน ของสังคมที่มนุษย์ให้คุณค่า คุณค่าแห่งความดีที่มนุษย์นำมาทำร้ายกัน
เราประกาศตนว่าเป็นเมืองพุทธ แต่เราไม่เคยนำคำสอนของพระพุทธองค์มาเป็นทางดำเนินชีวิต เรานำคำสอนของพระพุทธองค์ ความจริงทั้่งมวล มาทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการกล่าวหา กล่าวโทษ ไม่ให้อภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เราไม่อยูกับพระพุทธองค์เพราะท่านอยู่กับความจริง ความจริงที่เกื้อกูลสรรพสิ่ง ความจริงที่มีแต่เมตตา ด้วยเข้าถึงจิตใจของทุกสรรพสัตว์
ความตายโดยธรรมชาติทำให้เรานำมาทำกฏเกณฑ์ ควบคุม(Control) แล้วสั่งการ(Command) ตรวจวัด(Measure) ติดตาม(Monitor) ใส่คำต่างประเทศเพราะมาจากนอกและดูเหมือนจะดี 555
เราลืมกฏข้อแรกของไตรลักษณ์ นะครับ อนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้นอกจากสมมุติคือความไม่เที่ยงแท้ เราต้องการให้มันคงอยู่โดยไม่เข้าใจกฏของการคงอยู่ การคงอยู่คือการสืบต่อ สันคติ สิ่งหนึ่งดับไปแต่มีสิ่งที่มาสืบต่อทำให้ดู เห็น รู้สึก สัมผัส ว่ายังสืบต่อ แต่ความจริงนั้นสิ่งแรกดับไปแล้ว (เช่น เปลียวเทียน แสงที่เห็นนั้นคือ สันคติ เป็นความสืบต่อไม่ใช่แสงแรกที่เห็นแสงแรกนั้นดับไปนานแล้ว)
ย้อนกลับมาที่ประเด็นการเรียนรู้ของผม
ความตายจบ ยุติสรรพสิ่งจริงหรือ
ผมเรียนรู้ว่า สรรพสิ่งจบไปด้วยตัวของสรรพสิ่งแล้ว ความตายจบลงแล้วทุกสิ่ง แต่อย่าลืมกฏของการเกิดขึ้น ตั้่งอยู่ ดับไป สิ่งนี้ เป็น วัฏฏะ หมุนวน เหมือนกับจักรวาลนี้ โลกที่เล็กในจักรวาลอยู่ใน ภายใต้ สิ่งที่หมุนวนนี้(ไปดูจักรวาล หลุมดำ หยินหยาง ฯลฯ)
ผมเรียนรู้ต่อมาว่าเมื่อจบสิ้นหนึ่งอย่างแล้วนั้น อีกหนึ่งอย่างจะเกิดขึ้น ดังนั้นความตายไม่ได้ยุติสรรพสิ่ง เพียงแต่ยุติสิ่งหนึ่งเพื่อเกิดอีกสิ่งหนึ่งขึ้น ตามกฏของวัฏฏะ หมุนวน และเป็นเช่นนั้นเอง
ขอนอบน้อมต่อสี่เหตุการณ์ที่นำมากล่าวอ้าง ด้วยจิตที่เคารพสรรพสิ่งที่เป็นครูให้ผมได้เรียนรู้
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่วงโรย
ขายไม่ออกจ๊ะ
วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
ความพยายามของครูเพื่อศิษย์และองค์กร
Sent: อ. 6/9/2554 21:16
To: Sakun Pitikraisorn; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai; Surasak Supavititpatana; Srivan Vigayatipat; Kitti Tancharoen
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
เรียน อิ่ง ซ้อเจ็ด
เรื่องราวนี้มีสามประเด็นด้วยกั
ข้อแรก เป็นเรื่องขององค์กร
ผมมึความเห็นต่างคือเป็นภาระของ กฟผ. ที่จะทำอย่างนั้น แม้จะรู้ว่ามีข้อจำกัด หากเราเป็นเช่นนี้ เท่ากับยอมรับว่าไม่มีการส่
ความเห็น พอ-ฟ.
ซึ่ง ในการทำเสื่อนี้ พอ-ฟ. จะทำดังนี้ “โดยจะนำไปมอบให้ทุก คพร-ชฟx.เพื่อเชิญ ชฟx.เป็นผู้มอบและสวมให้ ในโอกาสที่เหมาะสม”
ความเห็นเพิ่มของผม
ดูเป็นการประชดประชันผู้บริ
แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลั
สิ่งนี้คือเกียรติ เป็นสิ่งที่ภายนอกที่ผู้ให้อยู่
ข้อที่สองเป็นเรื่องส่วนตั
ผมยังเห็นว่ามันกระทบกับอุ
ความเห็น พอ-ฟ.
ค่าตอบแทนวิทยากรดังไฟล์แนบนี้ กฟผ.จะโอนเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของทุกคน หลังจากนั้นจะมอบหมายให้คุณจิ
ความเห็นเพิ่มเติมของผม
ผมยังยืนยันแม้ในครั้งที่สอง(ทุ
แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลั
สิ่งนี้คือศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีที่เราต้องทำเอง ทำโดยยืนหยัดอยู่บนอุดมคติ (ทางไปที่สมบูรณ์) ด้วยการปฏิบัติอุดมการณ์(
ข้อที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้ายเป็
ผมจะยังคงหาเงินบริจาคด้วยวิธี
ความเห็น พอ-ฟ.
เงินบริจาคด้วยวิธีอื่นนั้น ก็ยังเท่ากับเรายอมรับว่าไม่มี
เท่าที่คุยกับ ช.อผภ-ภ. ทราบว่าจะอย่างไร รวฟ.ก็ไม่ให้ ช.อผภ-ภ.จึงคิดว่าจะหาทางออกที่
ความเห็นเพิ่มเติมของผม
หน่วยงานผมไม่ได้มีผู้
แนวความคิดที่อยู่เบื้องหลั
สิ่งนี้คือความเกื้อกูล เป็นสิ่งที่ผสานภายในและภายนอก ทั้งงานและสังคมเข้าด้วยกัน เป็นความงดงามของความเกื้อกูลที
คงมีคำและความอีกมากมายเหมือนที
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง
(ผมกำลังจะเปลี่ยนฉายา เป็นอย่างอื่น ตามพัฒนาการครับ “ร่าเริง” น่าจะเป็น “ร่วงโรย” จะสะท้อนความจริงมากกว่านะครับ)
From: Sakun Pitikraisorn
Sent: ส. 3/9/2554 10:52
To: Siriwatana Kengdham; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
From: Siriwatana Kengdham
Sent: ศ. 2/9/2554 18:05
To: Sakun Pitikraisorn; Samnao Jumpook; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
From: Sakun Pitikraisorn
Sent: พฤ. 1/9/2554 9:25
To: Samnao Jumpook; Siriwatana Kengdham; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai
Cc: Jitdee Praditngam; Sakun Pitikraisorn
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
เรียน ครูเพื่อศิษย์ทุกท่าน
ตอนนี้ มีคุณครู 4 ท่าน ร่วมบริจาคแล้ว คือ ครูภัคภู, ครูสำเณาว์, ครูสีรุ้ง และศากุน รวมเป็นเงิน 10,925 บาท
ค่าตอบแทนวิทยากรดังไฟล์แนบนี้ กฟผ.จะโอนเข้าบัญชี ธ.กรุงไทยของทุกคน หลังจากนั้นจะมอบหมายให้คุณจิ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ไม่ทราบว่า คุณครูตุ๊ดตู่ มีความเห็นหรือข้อเสนอแนะอย่
ศากุน
From: Samnao Jumpook
Sent: Thursday, September 01, 2011 9:10 AM
To: Sakun Pitikraisorn
Subject: RE: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
เรียน อิ่ง ซ้อเจ็ด
From: Sakun Pitikraisorn
Sent: อ. 30/8/2554 14:10
To: Siriwatana Kengdham; Seeroong Nuntivacharin; Phukphu Kaewkriengkrai; Samnao Jumpook
Cc: Jitdee Praditngam; Sakun Pitikraisorn
Subject: FW: ค่าสมมนาคุณวิทยากร หลักสูตรสัมมนาการจัดการความรู้
เรียน ครูเพื่อศิษย์ทุกท่าน
การสอนในรุ่นที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้คุณจิตรดีดำเนิ
แต่สำหรับรุ่น 4 นี้ พอ-ฟ.ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่
เสื้อที่เคยทำราคารวมค่าปักเมื่
ดังนั้น หากครูทุกท่านในรุ่นนี้ ยินดีบริจาคค่าตอบแทน ก็จะสามารถใช้ทำเสื้อได้ โดยจะนำไปมอบให้ทุก คพร-ชฟx.เพื่อเชิญ ชฟx.เป็นผู้มอบและสวมให้ ในโอกาสที่เหมาะสม เช่น งาน KM Forum ของ สาย ชฟx.เป็นต้น ซึ่งจะแจ้งให้ทุก คพร-ชฟx.ทราบด้วยว่าเสื้อเหล่
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากท่านใดมีความเห็นหรือข้
ศากุน
-----Original Message-----
From: Jitdee Praditngam
Sent: Monday, August 29, 2011 2:41 PM
To: Sakun Pitikraisorn
Subject: ค่าสมมนาคุณวิทยากร
เรียน พอ-ฟ.
เพื่อทราบค่ะ
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
พื้นที่ชีวิต
วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
๔๔๘ วันฉันจะทำงานใน กฟผ.
วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
ชวนติดตาม อ.ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ
จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้
ขอบคุณมากครับที่เปิดโลกให้กับชีวิตครับ
ด้วยจิตนอบน้อมครับ
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
Fool for ever.ผิดแล้วผิดอีก : กรณีห่างไกลจากบ้าน
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554
วันสุนทรภู่ ๑๕๖ ปีชาตะกาล ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
...วันนี้หรือ คือวัน ฉันรักครู
ได้เรียนรู้ ด้วยครู ท่านทำสอน
ฉันได้เรียน แม้ท่าน นั้นม้วยมรณ์
แต่บทกลอน เก่าเก่า เฝ้าสอนตน
...ครูของฉัน นั้นสอน ศิษย์เรียนรู้
ครูยังอยู่ ดูศิษย์ คิดฝึกฝน
ได้เติบโต ต่อกลอน ไร้ร้อนรน
ไปตามหน ทางครู ปูทางเดิน
อยู่กับปณิธาน
...จะยังคง ตรงแน่ว บนแถวที่
จะยังมี บทกลอน กล่าวสรรเสริญ
จะยังคิด ขีดเขียน เพืยรเจริญ
จะยังเพลิน พากลอน ให้สอนใจ
...ครูแสดง ศิษย์สดับ รับแล้วเล่น
ครูจึงเป็น ผู้เปลี่ยน ศิษย์เรียนใหม่
ครูนำทาง ท่องเที่ยว ศิษย์ตามไป
ครูไปไหน นำศิษย์ ให้ติดตาม
อาจหาญพากเพียร
...ด้วยครูสร้าง ครูเพียร ศิษย์เรียนรู้
ลำบากอยู่ ครูทำ ไร้คำถาม
ศิษย์ได้รู้ รับไว้ ได้งอกงาม
ทุกทุกยาม ตามทำ จำคำครู
...จะทุ่มเท ทั้งหมด ที่มีไว้
ทุ่มทั้งใจ จิตกาย หมายไปสู่
สิ่งสืบต่อ สันคติ สิ่งคงอยู่
บูชาครู เคร่งครัด มัดจิตทำ
เรียนรู้
...เมื่อลงมือ มีผล ดลให้รู้
เป็นสิ่งคู่ ดูครู ผู้ถลำ
ครูเหยียดฟ้า ท้าดิน ศิษย์กระทำ
ได้น้อมนำ กรรมคู่ สู่หนึ่งเดียว
...เมื่อดั้นด้น เดินไป ได้เรียนรู้
จากกลอนครู ครุ่นคิด จิตเฉลียว
ฉลาดได้ โดยครู อยู่ปล่าวเปลี่ยว
บนเรือเพรียว พรางตน คนธรรมดา
ส่งท้าย
...ดังนั้นฉัน ผู้เรียน จึงได้รู้
พระคุณครู คำสอน สิ่งปรารถนา
ได้เรียนรู้ บูชา พระคุณมา
แสวงหา ต่อสู้ อยู่เดียวดาย
...ในความเงียบ เรียบง่าย คลายกังวล
กระทำเหตุ หากล มีผลหมาย
รอเวลา ให้เรื่อง ได้คลี่คลาย
คือชาติชาย สุนทรภู่ ครูกวี
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง
วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ติตตาม
...ในวันนี้ นั้นพลาด มิอาจพบ
ไม่บรรจบ จากไกล กังวลหา
ทุกทุกครั้ง ยังคง ส่งข่าวมา
ครานี้หนา ไร้ข่าว เศร้าและงง
...พยายาม ตามโทร โง่งี่เง่า
คงเพราะเขา ค้าความ คำพาหลง
แ่ก่แล้วเรา ยังโง่ เฝ้าพะวง
ยังคงหลง รอคอย ควายแท้เอย...
ด้วยจิตนอบน้อม
ความเหงา ว้าเหว่ ไม่ทำร้ายคน
แม้เหงา หรือว้าเหว่ ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร เมื่อมีกายเป็นมิตร และมีจิตเป็นเพื่อน ด้วยจิตนอบน้อม ขอบคุณพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
(บางส่วนของ หนังสือ มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน)
ข้อเขียนของท่านพระอาจารย์ ไพศาล วิสาโล โปรดศึกษา
ดังนั้น ชีวิตยังดำเนินไปตามภาระแห่งตน
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง
วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554
มายารถไฟ
ปีกว่ามานี้เห็นชาวฝรั่งเศสมาเมืองไทยเยอะมาก เท่าที่สัมผัสผู้ชายไม่พูดอังกฤษ แต่ผู้หญิงพูดสื่อสารกับเราได้ ในตู้เสบียงคือที่ที่ได้ฝึกการสื่อสารกับต่างชาติต่างเผ่าพันธุ์ บางครั้งเห็นฝรั้งเศสเป็นคนไทยก็มี
มายาบนรถไฟเท่าที่ผมสัมผัสได้นั้นคือมายาเศรษฐกิจ มีเงินจ้างปีศาจโม่แป้งได้ เป็นสุภาษิตจีน ปัจจุบันมีเงินจ้างปีศาจโม่แป้งไม่คุ้มนะครับ แป้งที่โม่ซื้อเอาก็ได้ไม่ต้องจ้างปีศาจ ถ้าจะจ้างปีศาจไปทำอย่างอื่นจะคุ้มกว่า หลายครั้งที่ความเป็นไทยทำให้คนเรากลายเป็นทาส ทาสของความอยากของตน ทาสที่ปลดปล่อยไม่พ้นจากวังวนของความภักดี (แล้วมันจะเกี่ยวข้องกันไหม...เฮ้อ...) ผมเห็นบางครั้งตู้เสบียงเป็นที่สำราญรมย์จากกระแสเงิน วันไหนเขารู้ว่าไม่สั่งอาหาร งานก็กร่อย ไม่มีใครอยากจะบริการ ตู้เสบียงไม่มีดิสโก้เทค
อย่างไรก็ตามผมก็จะเดินทางโดยรถไฟต่อไป
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
เจ้าและโจร
หากล้มเหลว จักพูด สิ่งใดได้
โลกย์จะนับ รับเธอ ผู้ยิ่งใหญ่
คนเล็กๆ ไม่มี ที่หยัดยืน
... ยังมีต่อ...
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2554
เดียวดาย
ร่างกายกลับ ตื่นรู้ อยู่เสมอ
เพียงลำพัง นั่งดื่ม ดั่งละเมอ
แต่ใจเผลอ พรากรู้ สู่มายา
...คิดสั้นสั้น วันวัน ได้ผันผ่าน
ชีพมินาน อยู่ไป อย่างไร้ค่า
อนาคต แค่นาที ที่จะมา
มินำพา เพียงตน พ้นผ่านวัน
...ได้สร้างกรรม ก่อทุกข์ ท่วมทับถม
ส่วนผสม สร้างไว้ ไม่ใช่ฝัน
ต้องเร่ร่อน ไร้พรรค พวกผลักดัน
ต้องฝ่าฟัน วันคืน ไร้รื่นรมย์
...แม้อยู่เดี่ยว เดียวดาย กระหายสู้
สู้แม้รู้ ไร้สุข ทุกข์ขื่นขม
สู้กับใจ ไม่ให้ ใจตกจม
ถูกทับถม ถากถาง ช่างปะไร
...ก็มิได้ ฝันใฝ่ ดั่งใครฝัน
เพียงอิ่มวัน ผ่านวัน ดังฝันใฝ่
เพียรกระทำ ตนตื่น ก็ชื่นใจ
แล้วทำไม จะต้องอยาก มากกว่านี้
...ที่นี่เงียบ ที่นี่งาม ที่นี่ง่าย
อยู่กับจิต อยู่กับกาย อยู่ที่นี่
ยังไม่มี ที่ไหน ยังไม่มี
ที่วิเวก เหมือนที่นี ไม่มีเลย
...ยังคงผ่าน ค่ำคืน ด้วยยืนหยัด
เพียงกำจัด เหว่ว้า ทำท่าเฉย
แล้วเวลา พาผ่าน ผันอย่างเคย
ได้ล่วงเลย ค่ำคืน ฝืนทนเอา
...ถึงเดียวดาย กายใจ ใช่เท่านี้
เมื่อยามมี มรสุม มารุมเร้า
สู้ผจญ บนทาง ที่เงียบเหงา
ข้ามความเศร้า สู้ทน คนเดียวเอย
ด้วยจิตนอบน้อม
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วิเวก ไม่ฝัน
เพียงอิ่มวัน ผ่านวัน ดังฝันใฝ่
เพียงกระทำ ตนตื่น ก็ชื่นใจ
ก็ทำไม จะต้องอยาก มากกว่านี้
... ที่นี่เงียบ ที่นี่งาม ที่นี่ง่าย
อยู่กับจิต อยู่กับกาย อยู่ที่นี่
ยังไม่มี ที่ไหน ยังไม่มี
ที่วิเวก เหมือนที่นี่ ไม่มีเลย
ดัดแปลงจาก กลอน ของท่าน
วานิช จรุงกิจอนันต์
ใน สตรีสาร นานจนจำไม่ได้
ด้วยจิตนอบน้อม
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันฉันไร้ความคิด
จะมีมิตร ใดมา พาฉันอยู่
สังขารฉัน นั้นไร้ สติดู
คงพาสู่ สิ่งสรร อันตราย
... ยังคงลม หายใจ ให้ชีวิต
แต่ความคิด ของฉัน นั้นสูญหาย
ไร้ถูกชั่ว ดีงาม ไร้ต้นปลาย
อยู่แค่หาย ใจได้ ไปวันวัน
... สูญสิ่งจำ นำกลับ มาไม่ได้
คนที่อยู่ ยังให้ ความหมายฉัน
คนค้นคน ค้นได้ สิ่งใดกัน
แต่ตัวฉัน ไม่มี ความหมายใด
... ก็ขีวิต เช่นนี้ เป็นเช่นนั้น
มิใช่ฝัน ที่คน จะค้นได้
คนคนหนึ่ง มีที่ จะเป็นไป
ด้วยปัจจัย เจาะจง ตรงต่อกรรม
... กรรมที่ทำ นำสิ่ง ส่งสู่ผล
เหตุที่ดี จึงดล ผลดีนำ
แม้นมีเหตุ ร้ายดี ที่เราทำ
พึงจดจำ ช้าเร็ว ตอบแทนเธอ
... ดีหรือชั่ว ตัวตน บนความคิด
คนมีจิต คิดวัด อยู่เสมอ
สิ่งที่วัด ก็ใช่ จะเลิศเลอ
เมื่อละเมอ แล้วจะรู้ เรื่องอะไร
... ก็บำรุง รักษา กันไปก่อน
ไม่เดือดร้อน เพราะรู้ ซ่อมไม่ได้
รู้ตัวตน บนทาง ที่ทำไป
หวังเพียงให้ คนไม่รู้ อยู่สบาย
... ขอนอบน้อม แด่เธอ ผู้เสียสละ
เธอผู้จะ สละสู้ สู่ความหมาย
เธอผู้อยู่ กับเขา โดยเปล่าดาย
ความจำหาย หากรัก อยู่นิรันดร์
แด่เธอทุกคนที่ดูแลผู้ป่วยไร้ความทรงจำ
โดยไม่คิดอะไร
ด้วยจิตนอบน้อม
ทิพย์ พัชน์ศรี
แต่งจากแรงบันดาลใจ จากรายการ
คนค้นคน : อัลไซเมอร์
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554
วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ทุกข์ และ สุข ของเรา
ส่วนตัวฉัน นั้นทุกข์ ไม่เป็นไร
เพราะชีวิต ฉันนั้น ตั้งใจไว้
อยู่เพื่อให้ ทุกคน ได้มีสุข
...เมื่อได้มี ชีวิต วิบากพบ
เกิดมาเพื่อ พบกับ ตำหรับทุกข์
เพียรสร้างยิ้ม แย้มหวัง พลังสุข
ขจัดทุกข์ ไปจากใน หัวใจเรา
...เพียรเพื่อคน หมู่มาก ได้จากทุกข์
ให้เขาสุข พ้นทุกข์ พ้นจากเศร้า
ทุ่มหัวใจ ตัวตน คนอย่างเรา
ทำเพื่อเขา พ้นเศร้า สู่สุขเอย
..... ด้วยจิตนอบน้อม
...( ขอบคุณ ท่านวิจิตร สุทธพินทุ
ผู้บอกว่า กลอนต้องลงท้ายด้วยเอย )
วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ชีวิตหลังเกษียณที่พอเพียง
มีหลักการอันหนึ่งที่นำไปใช้ได้ทุกกรณี คือ กฏแห่งความพยายามน้อย ไม่ต้องใช้แรงมากเมื่อถึงเวลา เบื้องหลังหลักการนี้คือการลงทุนลงแรงมาก่อน ประสบความยากลำบากมาก่อน อดทน พยายาม มาก่อนจึงมีกำลังเมื่อต้องประสบกับสิ่งยาก ไม่ต้องออกแรงมาก เพราะสิ่งที่เจอในวันนี้นี่คือสิ่งที่เตรียมพร้อมที่จะเจอมาแล้ว กฏแห่งความพยายามน้อย จึงดำเนินไปบนความคุ้นชินโดยไม่ต้องพยายาม
มีน้องคนหนึ่งนำกฏแห่งความพยายามน้อยไปเชื่อมโยงกับกิจกรรมพัฒนาคุณภาพงาน คือ ให้ความเห็นว่า การทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพงานคือการใช้กฎแห่งความพยายามน้อย โดยผู้ทำกิจกรรมพัฒนางานของตนให้ง่ายต่อการทำ ทำให้เป็นมาตรฐาน จึงไม่ต้องพยายามมาก
ย้อนกลับมาถึงการสนทนาที่ตอบไปทันที เหมือนไม่ได้มีการไตร่ตรองแต่มีการปั้นแต่ง มนุษย์เราจะมีฉากหน้าและเบื้องหลังที่เป็นสิ่งที่เป็นมา เป็นอยู่ และเป็นไป เมื่อมีความกลัว กลัวเสียหน้า กลัวเสียเพื่อน กลัวไม่มีใครคบค้าสมาคม กลัวไปทุกอย่าง เราจะไม่ได้สื่อสารสิ่งที่มีอยู่ออกไปได้เหมือนอย่างที่มุ่งหวังไว้ เราตกแต่ง เราสื่อเพื่อให้ดูดี และอื่นๆ ตามที่ความกลัวพาเราไป
ชีวิตในสังคมเป็นสิ่งที่ถูกตกแต่ง ตกแต่งจากใจคนที่อยู่ในสังคม โดยมีความคาดหวังของตน คนอื่นรอบข้าง และสิ่งแวดล้อมนำไป บางครั้งเราไม่ต้องการแต่ไม่อาจหักห้ามสิ่งครอบงำใจ(กิเลศ ตัณหา ราคะ)ได้
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องทำหลังเกษียณจริงๆ (เป็นเพียงความคิด) วางแผนไว้ให้อยู่ได้อย่างพอเพียงตามพระราชดำรัสซึ่งมีองค์ประกอบใหญ่คือ ความพอเพียงด้วยความรู้คู่คุณธรรม ทางเลือกมีไม่มากนักสำหรับภาวะจิตและภาวะกาย ต้องรู้ภาวะจิตของตน ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าที่มี ไม่สะสม ปรารถนาให้ลูกได้เรียนจบ ภรรยาได้มีความสุขในช่วงท้ายของชีวิต และตนเองได้ทำภาระที่ต้องทำในชาติปัจจุบันให้จบพร้อมทั้งสั่งสมบุญเพื่อชีวิตหลังความตาย ภาวะกาย กำลังในช่วงหลัง ๖๐ ปี คือ ภาวะของความเสื่อม กำลังถดถอย โรครุมเร้า ต้องรักษาสุขภาพไม่ให้เป็นภาระ ทางเหนือบอกว่าอยู่ในภาวะ "ไอเหมือนฝานโบก" ด้วยภาวะจิตดั่งนี้และภาวะกายดั่งนี้ ทางเลือกมีไม่มากนัก
จะกลับไปทำอาชีพเหมือนเมื่อเริ่มต้นทำงาน เป็นช่างสำรวจ คงไม่มีความรู้และกำลังพอ จะทำธุรกิจที่ปรึกษาก็ห่างมาเป็นเวลานับสิบปี จะลงทุนเล่นหุ้นต้นทุนมีไม่มากพอจะหมุนและเสี่ยง จะให้เริ่มงานขายตรง คงยากเพราะไม่ได้สั่งสมมาทางด้านนี้ จะให้เป็นวิทยากรคงได้แต่ในด้านที่ถนัดซึ่งตลาดไม่โตและมีผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากทั้งในขณะที่ทำงานไม่ได้หวังค่าตอบแทนจากการเป็นวิทยากรมาก่อน ทำเพียงเพื่อตอบแทนบุณคุณหน่วยงานด้วยประสบการณ์ที่มี ก็เท่านั้น
คงต้องย้อนกลับมาที่หลักการ ทำสิ่งที่ชอบให้ดีแล้วผลต่างๆ ย่อมตามมาเอง ชอบทำงานด้วยมือ ชอบคิดสร้างสรรค ชอบช่วยเหลือคนอื่น ชอบค้นคว้าวิจัย ชอบทำในสิ่งท้าทาย คงต้องหาจุดที่ชอบที่สุดและทำบ่อยๆ มาเป็นจุดเริ่ม
คงไม่ได้หวังว่าจะมีคำตอบที่ดีในวันนี้ เพืยงแต่คิดไว้บ้างก็ดีนะ เท่านั้นเอง
ด้วยจิตนอบน้อม
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
มายาคติ
ผมไปที่เอเยนต์ที่ออกบัตรโดยสารระบุว่าต้องการไปขอนแก่นโดยนกแอร์ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีจังหวัดขอนแก่นมีเพียงสายการบินไทยเท่านนั้น ผมตรวจสอบกลับและพบว่าน้องค้นสายการบินไปจังหวัดอุบลมาให้ ผมหันกลับมาหาเจ้าหน้าที่ที่ออกบัตรและขอโทษเขา แล้วด้วยความยึดติดว่าเที่ยวบินการบินไทยไม่มีไปยังจังหวัดขอนแก่น ผมจึงขอให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรโดยสารไปลงยังจังหวัดอุดรแทน (ระยะทางจากจังหวัดอุดรไปยังอำเภออุบลรัตน์มากกว่าจังหวัดขอนแก่นไปยังอำเถออุบลรัตน์ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร) หลังจากได้บัตรโดยสารแล้วมีความภาคภูมิใจมากว่าตนเองสามรถแก้ปัญหาได้ แต่เมื่อพบกับเพื่อนทราบว่าเที่ยวบินไปจังหวัดอุบลไม่มี แต่เที่ยวบินไปจังหวัดขอนแก่นมี
ผมพบว่าตอนแรกผมเห็นว่าน้องอยู่ในมายาคติค้นหาเที่ยวบินผิดเพราะเข้าใจว่าผมจะไปจังหวัดอุบลราชธานีซึ่่งมีกำหนดในสัปดาห์ถัดไป แต่ผมยังพบเพิ่มเติมว่าผมก็อยู่ในมายาคติต่อเนื่องเพราะเข้าใจว่าเที่ยวบินไปจังหวัดขอนแก่นไม่มี ผมพยายามแก้ปัญหาโดยไม่ได้มีสติกับความเป็นจริง ไม่หยุดตนเองกลับมาหาข้อมูลปัจจุบันให้รอบคอบ การตัดสินใจจึงไม่สนองต่อความต้องการที่แท้จริง แม้จะผ่านไปได้แต่ทรัพยากรต้องเสียเพิ่มจากความไม่รอบคอบของตน นี่เป็นเรื่องที่เล็กแต่ในบางเรื่องที่ใหญ่ล่ะ มายาคติที่รุนแรงกว่า ไม่อยูกับปัจจุบันย่อมสร้างความเสียหายให้แก่โลกได้เป็นอเนกอนันต์
มายาคติยังไม่หมดแค่นั้น ผมมาจังหวัดขอนแก่นโดยลืมสายสำหรับชาร์ทแบตเตอรีเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ดบุคมาด้วย ย้อนกลับไปคิดถึงตอนจะออกจากห้องขณะเก็บของและจะออกจากห้องพักที่นนทบุรีนั้น มีโทรศัพท์จากหัวหน้ามาแจ้งข่าวสารและมอบหมายงานสำคัญให้ ผมเก็บของทั้งหมดแล้วออกมา แวบแรกมายาคติบอกตนเองว่าเป็นเพราะหัวหน้า แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วเป็นเพราะขาดสติและมายาคติที่ว่าเราไม่เคยลืมอะไร เรารอบคอบตลอดมาเป็นกำลังสำคัญให้ขาดการทบทวน
ผมเป็นวิทยากรได้นำเสนอแก่ผู้อื่นอยู่เสมอว่า ก่อนที่เราจะทำอะไร โปรดเว้นวรรค สงบจิต ตั้่งสมาธิ ในชีวิตจริงทำได้เมื่อมีสติกำกับเท่านั้น นับครั้งได้ที่หลุดจากการควบคุม ผมได้แต่พยายาม พยายาม พยายาม ต่อไป ผลของความพยายามนั้นอยู่ที่มายาคติแสดงผลของมันได้น้อยลง
ด้วยจิตนอบน้อม
วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554
ความรัก การทำร้าย ชะตากรรม และครูของผม
มีความคิดหลากหลาย ตี หรือไม่ตี ผมเห็นว่าเราแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ปัญญา เราถามกันว่าตีดีหรือไม่ดี คำตอบเป็นปลายปิด พอตัดสินแล้วว่าดี หรือไม่ดี ทุกคนกลับไปหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดนั้น ชีวิตไม่ได้อยู่ที่การตีหรือไม่ตี ผมได้ฟังท่านแรกเป็นอาจารย์จุฬาเท่าที่จำได้ ท่านแสดงทัศนะที่ดีคือไม่ฟันธงว่าตีหรือไม่ตี มันมีทางอื่น อีกท่านเป็นด๊อกเตอร์ปัญญา ท่านว่าเราพัฒนาแล้วควรพ้นไปจากความรุนแรง ครูหยุ่นก็มีก็ระเบียบ มีหลักการและมีความรอบครอบไม่เชื่อในความรุนแรง เด็กจากสุรศักดิ์มนตรี และโยธิน (โรงเรียนผม) ตีคือตี ไม่ตีคือไม่ตี
ผม่เห็นทัศนะ ความเห็นของหลายท่านแต่ ผมยังมีความเห็นว่าคุณอดิศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการนำเสนอได้อย่างไม่เป็นการนำเสนอ เป็นการมีวาระซ่อนเร้นบางอย่าง
ไม่มีหลักฐานยืนยันความคิด เป็นเพียงความรู้สึก ถูกผิดไม่รู้ และไม่ควรนำไปอ้างอิงนะครับ
ประสบการณ์ผมคือถูกตีหน้าเสาธงมาแล้ว ได้ดี หรือทำตนตามกฏระเบียบ เพราะถูกตีหรื่อปล่าว ไม่รู้เพราะไม่มีอะไรบ่งชี้อย่างเด่นชัดหรือระบุได้ว่าเกี่ยวข้องกัน
ผมรักครูของผมครับ
ชื่อที่ใช้ใน blog นี้ ก็เป็นนามแฝงที่ตั้งมาจากความเคารพในครูครับ
แต่ครูทั้งสามไม่เคยตีผม แต่ผมก็เคารพ นับถือ ระลึกถึง และทำความดีในทุกวันนี้ เพราะท่านนำทาง อันนี้เป็นครูในโรงเรียน
คุณครูคนแรกของผมคือ แม่ แม่สุวรรณ แม่ผจง แม่ของผม แม่ตี แม่ขนาบ แม่ให้ทุกอย่าง แม่ครับผมรักแม่่
ผมอยากจะบอกว่าแม่ไม่เคยทำร้ายผม แม่สอนผม แม่บอก แม่ห้าม แม่ให้บทเรียนที่ผมไม่ต้องไปทดลองใหม่
แม้ว่าแม่ตีผม ตามที่คนเรียก แต่ผมเรียกว่าแม่สอนผม
ตีหรือไม่ตี ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า ครู แม่ สังคม สอนอะไรผม และผมที่เป็นเด็กเรียนรู้อะไร
โปรดเข้าใจว่า ผมจะเรียนรู้ได้ ต่อเมื่อคุณให้โอกาสผมเรียนรู้ และผมต้องการเรียนรู้
ความต้องการเรียนรู้ของผม มาจากคุณผู้เป็นบุพการี ผู้กระทำให้ก่อน
ผมเรียนรู้แล้ว กตัญญู เป็นสิ่งที่ผมกระทำตอบ
ด้วยจิตนอบน้อม
วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554
ตัณหา พาสู่ นิพพาน
มีชีวิตที่มีอนาคต และอดีต
จบวันต่อวัน บนปัจจุบัน
เพื่อไปสู่นิพพาน
วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554
วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554
วัฒนธรรมที่ผ่านมา
จั่วหัวว่าวัฒนธรรมที่ผ่านมา เพื่อจะตั้งกรอบการนำเสนอว่า อันนี้เป็นเพียงสิ่งผ่านมาเท่านนั้นนะ ส่วนการสืบต่อเป็นอย่างไรอยู่ที่ผู้ที่จะอยู่ในองค์กรต่อไปเท่านั้นเอง ไม่มีใครรู้อนาคตได้ แต่อดีตแบ่งปันกันได้
ตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ในมิติของ คนทำงานที่ได้สัมผัสกับคน คนที่เป็นนาย คนที่เป็นเพื่อน คนที่เป็นน้อง เล่าว่าผมผ่านมาอย่างไรจากวันเข้าทำงานจนถึงวันออกจากงาน (ตามความตั้งใจจะอยู่จนกว่าจะเกษียณ)
คงจะเป็นเรื่องที่ยาว และเป็นมุมมองของคนเพียงคนเดียว มุมมองของผม
มุมมองที่ผ่านอารมณ์ ความคิด จนถึงไร้คิดและไร้ความรู้สึกแต่รับรู้ได้ เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่ได้ผ่านมา บางเหตุการณ์นาน บางเหตุการณ์พึ่งผ่าน การนำเสนอในวันและเวลานี้จึงอาจไม่ได้อารมณ์ความรู้สึกเวลานั้น เพราะวัยของคน การมองเห็นย่อมเป็นไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ต้องการนำเสนอนั้นจะพยายามไม่ตีความ นำเสนอเหตุการณ์ให้ได้รับรู้ก่อน ส่วนการตีความนั้นจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือความคิด ความรู้สึกในขณะนั้น และอีกส่วนหนึ่งคือความเห็นในขณะนี้ อาจไม่เหมือนกันเป็นเพราะเวลาเป็นเงื่อนไข
ที่ต้องการเริ่มจาก นาย มาถึงเพื่อน และตามด้วยน้องนั้น มีเรื่องราวเป็นไปตามจังหวะของชีวิตการทำงาน
เมื่อเราเข้างานมาแรกเริ่มคงต้องมีนายก่อน นายให้งาน ให้ความรู้ ให้โอกาส และให้อภัยเมื่อเราพลาดแล้วให้ความรู้เพิ่ม ให้โอกาสทำอีก ถ้าเราพลาดอีก นายยังให้อภัยและให้ความรู้ ให้โอกาส เป็นวัฏฏจักรที่หมุนเวียนไปเสมอมาด้วยความเมตตาของนาย
เมื่อมีงาน เราก็มีเพื่อน เพื่อนที่แลกเปลี่ยนกันในการทำงาน สร้างความสำเร็จร่วมกัน เป็นมาและเป็นไป แม้ในความเป็นจริงของงานมีการแข่งขัน ต่อสู้ ดิ้นรน และแย่งชิง แต่เพื่อนก็คือเพื่อน
ผ่านเวลาไปเราก็มีน้องที่ทำงานร่วมก้น ไม่มีน้องก็ไม่มีความสำเร็จ น้องทำงาน ทำเรื่อง ทำสารพัด แล้วเราก็มองเห็นตัวเรา ว่าเราก็ทำอย่างนี้กับนายมาก่อน วงเวียน วัฏฏจักร การทำงาน จึงก่อเกิดวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่ผ่านมา ถ้าสอดคล้องเป็นไปตามที่ควร รับใช้เราและผองเพื่อน ทั้งนาย เพื่อน และน้อง ควรได้รับการบันทึกและศึกษา
ไม่ได้หวังอะไรแต่คิดไว้ว่านี่คือสิ่งที่ทำได้เพื่อองค์กร ให้องค์กรได้ ยั่งยืน สืบต่อ จากรุ่นสู่รุน เป็นสันคติที่ไม่ดับสูญ
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง